• บริษัท นานมี จำกัด
  • โรงเรียนสอนภาษานานมี
  • สำนักพิมพ์ ทองเกษม
  • ร้านหนังสือจีนนานมี
Thongkasem Publishing
  • HOME
  • ABOUT
    THONGKASEM
  • NEWS&
    PROMOTIONS
  • CATALOG
  • BOOKS STORE
  • E-BOOKS
  • KNOWLEDGE
  • MEMBER
    AREA

    Member Login

    Username
    Password
      
     สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน

ห้องความรู้

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

สีจิ้นผิง ผู้นำมังกรรุ่นที่ 5

                เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์สามารถมีชัยชนะเหนือรัฐบาลของพรรคก๊กมินตั๋ง และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1949 ในช่วงแรกตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ได้แก่ ตำแหน่ง “ประธานรัฐบาลประชาชนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ประธานแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” และเป็น “ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” ในปัจจุบัน


(เหมาเจ๋อตุง ประธานแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน คนแรก)

    โดยตำแหน่งประธานาธิบดีของจีนมีผู้ดำรงตำแหน่งจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 5 คน คือ

1. หลี่เซียนเนี่ยน (18 มิถุนายน  ค.ศ. 1983 – 8 เมษายน ค.ศ. 1988)

2. หยางซั่งคุน (8 เมษายน ค.ศ. 1988 – 27 มีนาคม ค.ศ. 1993)


3. เจียงเจ๋อหมิง (27 มีนาคม ค.ศ. 1993 – 23 มีนาคม ค.ศ. 2003)


4. หูจิ่นเทา (23 มีนาคม ค.ศ. 2003 – 14 มีนาคม ค.ศ. 2013)


5. สีจิ้นผิง (15 มีนาคม ค.ศ. 2013)


                 สีจิ้นผิงเป็นบุตรชายของสีจงชุน อดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยของประธานเหมาเจ๋อตง แต่บิดาได้ถูกลดตำแหน่งลงเป็นกรรมกรเพราะเป็นผู้อนุมัติให้มีการตีพิมพ์หนังสือวิจารณ์ประธานเหมาเจ๋อตง สีจิ้นผิงในขณะนั้นได้เป็นหนึ่งในปัญญาชนจำนวน 29,000 คน ที่ถูกส่งไปรับการศึกษาและเรียนรู้วิถีชีวิตการทำไร่ ทำนา และการปศุสัตว์ โดยที่สีจิ้นผิงได้พยายามที่จะส่งจดหมายเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แต่ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด จนในที่สุดก็สามารถเข้าเป็นสมาชิกพรรคได้สำเร็จหลังจากพยายามมาหลายครั้ง

                  เมื่อประธานเหมาเจ๋อตงถึงแก่กรรม ชื่อเสียงของบิดาของสีจิ้นผิงได้รับการฟื้นฟู สีจิ้นผิงได้กลับมารับการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยซิงหวา และได้เข้าทำงานรับใช้พรรคคอมมิวนิสต์ที่มณฑลเหอเป๋ย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการผสมพันธุ์สุกร

สีจิ้นผิงเป็นผู้ริเริ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไต้หวันในขณะที่ทำงานในมณฑลฝูเจี้ยน จนได้รับตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้ ในช่วง 7 เดือน ที่เขารักษาการ สีจิ้นผิงได้พัฒนาความสัมพันธ์กับเจียงเจ๋อหมิน แกนนำรุ่นที่ 3 ของจีน

                  ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 สีจิ้นผิงได้ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อได้รับคะแนนเสียงจากสภาประชาชนแห่งชาติจีนทั้งสิ้น 2,952 เสียง จาก 3,000 เสียง โดยขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่ออายุ 59 ปี

(การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือ เอ็นพีซี (12th National People's Congress- NPC) ครั้งที่ 12 ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ภาพจาก เอเอฟพี)

                  ทั้งนี้สีจิ้นผิงยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางกองทัพแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกตำแหน่งด้วย ซึ่งต่างไปจากอดีตประธานาธิบดีหูจิ่นเทา โดยสีจิ้นผิงมีวาระการดำรงตำแหน่ง 10 ปี และมีรองประธานาธิบดีคือ หลี่หยวนเฉา กับนายกรัฐมนตรีคือ หลี่เคอเฉียง

(หลี่หยวนเฉา รองประธานาธิบดีจีนคนใหม่ - ภาพจาก เอเอฟพี)

(สีจิ้นผิง(ซ้าย) หลี่เคอเฉียง(ขวา) กำลังแจกลายเซ็นแก่ผู้แทนชนกลุ่มน้อย - ภาพจาก เอเอฟพี)

                  ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับผู้นำคนใหม่ของจีนเป็นพิเศษ เพราะว่าปัจจุบันประเทศจีนเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองต่างประเทศสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งยังมีความสำคัญในด้านต่างๆ และที่ต้องจับตามองคือ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะนำพาสาธารณรัฐประชาชนจีนไปในทิศทางใด

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 09:53:44 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ ความรู้ทั่วไป
วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

จิวยี่ สุภาพบุรุษหรือตัวอิจฉา

ซูตงโพ กวีเอกสมับราชวงศ์ซ่งเขียนบทประพันธ์สดุดีจิวยี่ไว้เป็นที่ติดตาตรึงใจใน “คิดถึงเสียวเกี้ยว”

                “หวนคิดจิวยี่วัยหนุ่ม

                เสียวเกี้ยวเพิ่งแต่งงาน

                มาดงามสง่า

                ผูกผ้าพันคอถือพัดขนนก

                พูดจายิ้มแย้มใช้ไฟเผาทัพเรือ”

                คำประพันธ์นี้ทำให้เห็นภาพความสง่างามของจิวยี่ในยามออกศึก


                ทว่าบางคนนึกภาพเช่นนี้ไม่ออกเพราะหลงติดบทวรรณกรรมสามก๊กที่เขียนบิดเบือนให้จิวยี่เป็นตัวอิจฉา จนกระทั่งเสียรู้ขงเบ้งถูกยั่วยุสามหนจนตัวตาย เรามาพิจารณาดูจิวยี่ในบทวรรณกรรมสามก๊กกัน

                ข้อหนึ่ง เสียทั้งฮูหยินและสิ้นทัพ

               จิวยี่วางแผนให้ซุนกวนยกน้องสาวให้แก่เล่าปี่แบบหลอกๆ เพื่อชิงเกงจิ๋วคืน แต่ลงเอยด้วยเล่าปี่หนีไปได้โดยมีซุนช่างเขียนช่วยคุ้มครอง แล้วขงเบ้งยังให้ทหารร้องเยาะเย้ยที่ริมฝั่ง ด้วยคำกล่าวข้างต้น จิวยี่ฟังแล้วแค้นใจจนกระอักเลือดล้มสลบลงกับเรือ

                ข้อสอง ใช้ปัญญายั่วจิวยี่

                ขงเบ้งใช้โวหารอ้อมค้อมบอกไม่ต้องสู้กับโจโฉให้ยุ่งยาก เพียงแค่ใช้เรือลำหนึ่งบรรทุกหญิงงามสองคนไปส่งให้ แค่นั้นโจโฉก็เลิกทัพกลับไปบ้าน เมื่อจิวยี่ถามว่าหญิงสองคนนั้นเป็นใคร ขงเบ้งบอกว่า ไต้เกี้ยวกับเสียวเกี้ยวเล่นเอาจิวยี่โกรธจัดและประกาศลั่นว่าไม่ยอมอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับโจโฉ

                ข้อสาม เรือบรรทุกฟางยืมเกาทัณฑ์

                จิวยี่ให้ขงเบ้งทำเกาทัณฑ์สิบหมื่นดอกภายในสิบวัน ขงเบ้งบอกขอสามวันก็พอ จิวยี่สั่งให้ทำทัณฑ์บนไว้เพราะคิดว่าขงเบ้งไม่มีทางทำได้ทันภายในสามวัน และจะต้องถูกลงโทษถึงตาย ปรากฏว่าขงเบ้งใช้เรือบรรทุกฟางไปเอาเกาทัณฑ์มาได้ ในบทวรรณกรรมตอนนี้ทำให้จิวยี่มีภาพเป็นตัวอิจฉา

                ข้อสี่ ยืมลมบูรพา

                ขงเบ้งกับจิวยี่มีความคิดตรงกันเรื่องใช้ไฟเผาทัพเรือโจโฉ แต่ช่วยนั้นมีแต่ลมพัดมาจากตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้จิวยี่ร้อนใจจนล้มป่วย ขงเบ้งบอกให้จิวยี่สร้างเวทีเจ็ดดาวเพื่อทำพิธีเรียกลม โดยตนเองเป็นผู้ประกอบพิธีจนมีลมบูรพาเกิดขึ้น จิวยี่ยิ่งเห็นว่าปล่อยขงเบ้งไว้จะเป็นภัยจึงให้คนไปตามฆ่า แต่ขงเบ้งรู้ตัวดีหนีรอดไปได้อย่างลอยนวล

                ความจริงเรื่องราวเหล่านี้ล่วนแต่งขึ้นในนวนิยาย ซึ่งมีจริงเพียงเจ็ดส่วนแต่งขึ้นสามส่วน แต่เฉพาะตอนศึกผาแดงมีจริงเพียงสามส่วนเท็จถึงเจ็ดส่วน ตามประวัติศาสตร์เป็นดังนี้

                ข้อแรก ซุนกวนคิดยกน้องสาวให้เล่าปี่จริงๆ เพื่อความปรองดอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิวยี่

                ข้อสอง จิวยี่ยืนหยัดในการต่อต้านโจโฉตั้งแต่แรกเริ่ม ซุนกวนคิดสู้ศึกผาแดงเพราะเห็นด้วยกับจิวยี่ ช่วงเวลานั้นซุนกวนกับเล่าปี่มีทางเลือกเดียวคือจับมือกันจึงไม่จำเป็นต้องมีการหยั่งเชิงลองใจกัน

                ข้อต่อมา เรือบรรทุกฟางยืมเกาทัณฑ์ เป็นเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์และผู้ทำเรื่องนี้คือซุนกวน

                นอกจากนี้ขงเบ้งไม่มีบทบาทใดๆ ในศึกผาแดงและไม่มีอิทธิฤทธิ์ในการเรียกลมเรียกฝน แม่ทัพใหญ่งานนี้คือจิวยี่ ลมบูรพาเป็นเหตุปกติในลำน้ำฉางเจียง จิวยี่ อุยกาย ซึ่งคลุกคลีอยุ่ถิ่นนี้มานานย่อมรู้ธรรมชาติสภาพแวดล้อมนี้ดี จึงใช้ความรอบรู้ดังกล่าวเอาชนะโจโฉอย่างเหนือชั้น

                ข้อสุดท้าย น้ำใจจิวยี่กว้างขวางเป็นเรื่องประจักษ์จริงในประวัติศาสตร์ เล่าปี่เคยกล่าวชมจิวยี่มีน้ำใจประเสริฐ เฉินโซ่วผู้เขียนจดหมายเหตุสามก๊กยกย่องจิวยี่อย่างยิ่ง เทียเภาขุนศึกอาวุโสตอนแรกน้อยใจที่จิวยี่อ่อนวัยกว่าแต่มีตำแหน่งสูงกว่า และยังเคยแสดงท่าทางข่มจิวยี่หลายหน แต่จิวยี่ไม่ใส่ใจในที่สุดเทียเภายอมรับนับถือจิวยี่เอ่ยวาจาว่า “คบหากับจิวยี่เหมือนดื่มเมรัยรสเลิศเมามายโดยไม่รู้สึกตัว” และกลายเป็นเพื่อนรักต่างวัย

                ยังมีกวีเอกสมัยซ่ง เช่น หงม่าย ซูตงโพ ล้วนเขียนยกย่องจิวยี่อย่างสูง หลอกว้านจงเขียนนิยายสามก๊กให้จิวยี่เป็นตัวอิจฉาเพื่อสร้างภาพให้ขงเบ้งให้โดดเด่นเท่านั้น สามยั่วยุจิวยี่เป็นเรื่องเท็จที่แต่งขึ้น การที่จิวยี่กรำศึกจนตัวตายเมื่ออายุแค่สามสิบหกปี นับเป็นคนที่ตายก่อนเวลาอันควรจริงๆ

                สรุปแล้ว จิวยี่เป็นนักการทหารที่ยิ่งใหญ่สุดปลายราชวงศ์ฮั่น ไม่ใช่เป็นเพียงแม่ทัพที่ฉลาดหลักแหลมเท่านั้น ยังมีรูปร่างหน้าตาคมเข้มและรอบรู้เรื่องศิลปะ นับเป็นชายชาตรีสมบูรณ์แบบที่หาไม่ได้ง่ายนัก

จาก นวนิยายภาพสามก๊ก เล่ม 13

 

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 14:43:32 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ สามก๊ก ตัวละคร
วันที่ 05 มีนาคม พ.ศ. 2556

โจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตอนที่ 1

                หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์มีชัยชนะเหนือรัฐบาลก๊กมินตั๋ง และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้นำ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในช่วงแรกนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะการที่จีนปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ทำให้ถูกกีดกันจากชาติตะวันตก จนกระทั่งสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสหรัฐอเมริกาได้ด้วยวิธีการทูตปิงปอง โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทูตนี้คือ “นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล”


                โจวเอินไหลเกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1898 ที่เมืองหวยอัน มณฑลเจียงซู ในครอบครัวของขุนนางที่สืบต่อกันมาหลายช่วงคน ชีวิตในวัยเด็กเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากปู่ที่รับราชการไม่ได้เหลือมรดกไว้ให้ แม้ว่าบิดาและอาจะรับราชการแต่ก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย เพราะการใช้ชีวิตที่ต้องรักษาหน้าตาทางสังคมในระบบศักดินา และการที่บิดาต้องออกไปทำงานในที่ห่างไกล ทำให้โจวเอินไหลต้องเป็นผู้ดูแลครอบครัวมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ

                เมื่อโจวเอินไหลเกิดมาได้ไม่นาน บิดาก็ล้มป่วย ตามธรรมเนียนจีนแล้วถือว่าดวงไม่สมพงษ์กัน จึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของอา โจวเอินไหลจึงได้รับการดูแลจากอาสะใภ้ที่เป็นผู้มีการศึกษา และได้รู้จักวรรณกรรมเด่นของจีนอย่างไซอิ๋ว 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน และความฝันในหอแดง จนกระทั่งอายุ 12 ปี จึงได้ออกเดินทางไปอยู่กับบิดาและได้รับการศึกษาตามแบบตะวันตก โจวเอินไหลได้รู้จักหนังสือปฏิวัติจากการแนะนำของเกาเกออู ครูสอนประวัติศาสตร์ที่มีหัวใจของนักปฏิวัติ


                โจวเอินไหลเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมหนันไค ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่เปิดกว้างทางความคิด นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักปฏิวัติ โดยโจวเอินไหลได้เข้าร่วมกิจกรรมต่อต้านประธานาธิบดีหยวนซื่อข่าย และเมื่อจบการศึกษาจึงไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง ในช่วงเหตุการณ์เคลื่อนไหว 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1919 โจวเอินไหลได้เป็นบรรณาธิการหนังสือสมาพันธ์นักเรียนเทียนจิน แต่ถูกปิดไปพร้อมกับโจวเอินไหลถูกจับกุมตัวและถูกจำคุกเป็นเวลาครึ่งปี เมื่อถูกปล่อยตัวในปี ค.ศ. 1920 โจวเอินไหลได้เดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศส ในช่วงนั้นโจวเอินไหลมีแนวความคิดด้านสังคมนิยม หลังจากได้อ่านประกาศพรรคคอมมิวนิสต์และหลักการแนวคิดคอมมิวนิสต์ รวมถึงหนังสือ War of Classes


                ในระหว่างอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสโจวเอินไหลมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวนอกสถานที่ที่เขียนบทความกลับมายังแผ่นดินใหญ่อย่างต่อเนื่อง หรือการรวมกลุ่มจัดตั้งกลุ่มเยาวชนจีนแนวคิดคอมมิวนิสต์ในยุโรป ในปี ค.ศ. 1923 พรรคคอมมิวนิสต์ได้ร่วมมือกับพรรคก๊กมินตั๋งเพื่อพัฒนาประเทศ โจวเอินไหลได้จัดตั้งพรรคก๊กมินตั๋งสาขายุโรปขึ้น เมื่อกลับแผ่นดินจีนแล้ว โจวเอินไหลได้ศึกษาในโรงเรียนทหารและการปกครองหวงผู่ มณฑลกวางตุ้ง และได้รับคัดเลือกเป็นผู้บัญชาการแผนกการเมืองในปี ค.ศ. 1925

                จากนั้นเมื่อเจียงไคเช็คได้จับกุมปัญญาชนพรรคคอมมิวนิสต์โดยอ้างว่าเพื่อความมั่นคง โจวเอินไหลจึงลาออกจากการทหาร และเป็นจุดแยกทางกันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และพรรคก๊กมินตั๋งที่กลายเป็นสงครามชิงแผ่นดินต่อมา

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 11:31:36 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ ความรู้ทั่วไป ประวัติศาสตร์จีน
วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2556

24 ชั่วโมงกับการดูแลตัวเองแบบทฤษฎีแพทย์แผนจีน

เวลามีความสัมพันธ์กับระบบอวัยวะต่างๆของมนุษย์  ในเวลา  24 ชั่วโมง ร่างกายของมนุษย์มีการไหลเวียนของพลังชีวิตผ่านอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย เราจึงควรมีการดูแลตัวเองให้สัมพันธ์และเหมาะสมกับช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อการมีสุขภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ


1-3 นาฬิกา กลางวัน : ลำไส้เล็ก (小肠 xiǎo cháng ) ควรงดทานอาหารและดื่มน้ำมากๆ ถ้าลำไส้เล็กผิดปกติจะเกิดอาการท้องเสีย

1-3 นาฬิกา กลางคืน : ตับ (肝gān) ควรหลับพักผ่อนให้สนิท หากผิดปกติจะมีอาการปวดแน่นสีข้าง แขนขาชา อารมณ์ผันผวน

 

3-5 นาฬิกา กลางวัน : กระเพาะปัสสาวะ (膀胱páng guāng) ควรทำให้ตนเองเหงื่อออก ถ้ากระเพาะปัสสาวะผิดปกติจะเกิดอาการปัสสาวะคั่ง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

3-5 นาฬิกา กลางคืน : ปอด (肺fèi) ช่วงเวลานี้ควรตื่นนอน สูดอากาศสดชื่น ถ้าปอดผิดปกติจะเกิดอาการไอหอบ เลือดกำเดาออก แขนขาบวม

 

5-7 นาฬิกา กลางวัน : ลำไส้ใหญ่ (大肠dà cháng) ควรขับถ่ายอุจจาระ ทานอาหารกากใยสูง ถ้าลำไส้ใหญ่ผิดปกติจะมีอาการท้องร่วง ถ่ายเป็นเลือด

5-7 นาฬิกา กลางคืน : ไต (肾shèn) ควรทำตัวให้สดชื่น ทานอาหารที่มีเกลือต่ำ ถ้าไตผิดปกติจะปัสสาวะน้อย อ่อนเพลีย มือเท้าไม่มีแรง

 

7-9 นาฬิกา กลางวัน : กระเพาะอาหาร (胃wèi) ควรทานอาหารเช้าที่มีพลังงานและสารอาหารอย่างน้อยร้อยละ 25 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ถ้ากระเพาะอาหารผิดปกติจะมีอาการสะอึก อาเจียน

7-9  นาฬิกา กลางคืน : เยื่อหุ้มหัวใจ (心包xīn bāoควรทานอาหารจำพวกวิตามินบี ถ้าเยื่อหุ้มหัวใจผิดปกติจะเกิดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ มีอาการเจ็บแปลบ แน่นหน้าอก

 

9-11 นาฬิกา กลางวัน : ม้าม (脾pí ) ช่วงเวลานี้ไม่ควรนอนหลับ ถ้าม้ามผิดปกติจะเกิดอาการเบื่ออาหาร ริมฝีปากซีด ชีพจรอ่อน

9-11 นาฬิกา กลางคืน : ซานเจียว (三焦sān jiāo) หรือระบบความร้อนของร่างกาย เป็นทางผ่านของของเหลวตั้งแต่ปอดตลอดจนถึงอวัยวะเพศ เพื่อขจัดของเสียออกจากร่างกาย ช่วงเวลานี้ควรทำให้ร่างกายอบอุ่น ห้ามอาบน้ำเย็น

 

11-1 นาฬิกา กลางวัน : หัวใจ (心xīn) ช่วงเวลานี้ควรหลีกเลี่ยงความเครียด ถ้าหัวใจผิดปกติจะเกิดอาการชีพจรไม่สม่ำเสมอ หายใจขัด ใจสั่น

11-1 นาฬิกา กลางคืน : ถุงน้ำดี (胆dǎn)  ควรทานอาหารไขมันต่ำ ดื่มน้ำสะอาดก่อนเข้านอน ถ้าถุงน้ำดีผิดปกติจะมีอาการมึนงง ผิวเหลือง อาเจียน ร้อนๆ หนาวๆ

จากคอลัมน์ ของฝากจากชั้น 4 หน้าที่ 13

หนังสือนานมีนิวส์ เล่มที่ 9

สิงหาคม 2012 

 

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 08:55:48 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ สุขภาพ
Prev1. . .5 6 7 8 9 . . .17 Next
  • หน้าแรก
  • |
  • เกี่ย่วกับสำนักพิมพ์
  • |
  • ข่าวสาร & โปรโมชั่น
  • |
  • หนังสือ
  • |
  • หนังสือขายดี
  • |
  • หนังสือใหม่
  • |
  • สมาชิก
  • |
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
©2012-2021 สำนักพิมพ์ ทองเกษม. All right reserved.
Power by NAN MEE Co., Ltd.
ที่อยู่สำนักพิมพ์ ติดต่อเรา
สำนักพิมพ์ ทองเกษม
เลขที่ 146 ถนนสาทรเหนือ
แขวงสีลม เขตบางรัก
กรุงเทพมหานคร 10500

E-Mail

 editor@thongkasem.com

Telephone

 0 2648 8000

Facebook

 www.facebook.com/thongkasem

Twitter

 @Thongkasem_team