• บริษัท นานมี จำกัด
  • โรงเรียนสอนภาษานานมี
  • สำนักพิมพ์ ทองเกษม
  • ร้านหนังสือจีนนานมี
Thongkasem Publishing
  • HOME
  • ABOUT
    THONGKASEM
  • NEWS&
    PROMOTIONS
  • CATALOG
  • BOOKS STORE
  • E-BOOKS
  • KNOWLEDGE
  • MEMBER
    AREA

    Member Login

    Username
    Password
      
     สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน

ห้องความรู้

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จักรพรรดิคังซี

 

จักรพรรดิคังซี

 

 


            จักรพรรดิคังซี (จีน: 康熙帝; พินอิน: Kāngxīdì)หรือพระนามเต็ม อ้ายซินเจฺว๋หลัวเสฺวียนเย่ (愛新覺羅玄燁 Àixīn-Juéluó Xuányè) จักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ชิง เป็นพระโอรสของจักรพรรดิซุ่นจื้อ จักรพรรดิองค์ที่ 3 ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 8 พรรษา ในปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) ภายหลังการสวรรคตของพระราชบิดา จักรพรรดิคังซีมีพระปรีชาสามารถตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงฉายแววความเป็นผู้นำมาตั้งแต่เด็ก โดยโปรดการเรียนรู้ศิลปะ วิทยาการต่าง ๆ ทั้งของในประเทศ และนอกประเทศ โดยพระองค์อยู่ภายใต้การอุปการะดูแลของไท่หวงไทเฮา ผู้เป็นพระอัยยิกาของพระองค์
            พระองค์ทรงออกว่าราชการเองเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา เมื่อพระชนมายุได้ 19 พรรษา มีขุนนางคนสำคัญผู้หนึ่งชื่อ เอ๋าไป้ (鳌拜) ซึ่งเป็นขุนนางที่รับราชการมาแต่ครั้งจักรพรรดิไท่จง จักรพรรดิองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ชิง เอ๋าไป้ เป็นขุนนางที่สำคัญตนว่าเป็นคนสำคัญ และมีผู้ให้การยอมรับนับถือจำนานมาก จึงได้กระทำการอย่างไม่เหมาะสมทั้งต่อหน้าและลับหลังพระองค์หลายครั้ง จนในที่สุดก็ก่อการกบฏขึ้น แต่แผนการทั้งหมดได้ถูกทำลายลงโดยกลุ่มขุนนางที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี
            รัชสมัยของจักรพรรดิคังซีนับเป็นระยะเวลาวิกฤตของราชวงศ์ชิง เพราะมีการต่อสู้ระหว่างชาวฮั่นที่ต้องการกู้ราชวงศ์
หมิง
 รวมถึงชนเผ่าอื่น ๆ ที่ต้องการก่อกบฏ จักรพรรดิคังซีทำสงครามภายในประเทศยาวนานถึง 8 ปี จึงพิชิตแคว้นต่าง ๆ ได้ราบคาบ ก่อนที่   พระองค์จะมีพระชนมายุ 30 พรรษา ทั้งขยายอาณาเขตถึงมองโกเลียและ
ทิเบต
            หนึ่งในนโยบายสร้างความมั่นคงก็คือ สร้างสัมพันธ์กับชาวแมนจูที่อาศัยทางเหนือแต่เดิมให้แข็งแกร่ง ส่งอาวุธและกำลังพลไปรักษาชายแดนแถบนี้บ่อยครั้งเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าอื่น อีกทั้งยังทรงออกทัพเอง และได้ทำสงครามกับรัสเซียในยุคสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช และได้รับชัยชนะด้วย ซึ่งสงครามได้จบลงที่การสร้างสัมพันธไมตรีต่อกัน รวมถึงการยกทัพบุกพม่าทำให้จีนในยุคนี้เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

                                       
                                                          
                                  ริ้วขบวนบางส่วนของจักรพรรดิคังซีเสด็จนิวัติกรุงปักกิ่ง หลังจากเสด็จประพาสแดนใต้
 

             ขณะเดียวกันเสด็จประพาสดินแดนทางใต้ถึง 6 ครั้ง เพื่อทอดพระเนตรความเจริญ รุ่งเรืองด้านศิลปะและวิชาการของแดนใต้ และสำรวจปัญหาน้ำท่วมไร่นาของชาวนา ซึ่งต่อมาทรงส่งเสริม การสร้างเขื่อนและให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรกับชาวนา
จักรพรรดิคังซีนับเป็นอัจฉริยบุคคล ทรงศึกษาความผิดพลาดของพวกมองโกล ช่วงที่ปกครองชาวฮั่น จึงเปลี่ยนจากวิธีการใช้ไม้แข็งเป็นไม้อ่อน เกลี้ยกล่อมให้เหล่าปราชญ์ราชบัณฑิตที่หนีภัยยุคต้นราชวงศ์สิ้นอำนาจกลับมารับราชการใหม่ ทรงสถาปนากรมจิตรกรรมที่รู้จักในนาม สถาบันจิตรกรรมหัวหยวน คล้ายที่เคยมีในสมัยราชวงศ์ซ่ง นอกจากนี้ทรงดูแลเหล่าปราชญ์และศิลปินอย่างเกษมสำราญ มอบหมายงานให้ทำอย่างเต็มที่ ไม่ว่าด้านสถาปัตยกรรมหรือประวัติศาสตร์ โดยชิ้นที่สำคัญที่สุด คือการจัดทำ พจนานุกรมรวบรวมภาษาจีนที่เรียกกันว่า พจนานุกรมคังซี
             ชีวิตส่วนพระองค์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจักรพรรดินักรักพระองค์หนึ่ง มีพระสนมราว 35 คน พระโอรสและพระธิดาราว 55 องค์ จนปลายรัชสมัยเกิดการชิงบัลลังก์เป็นที่วุ่นวาย ผลสุดท้ายองค์ชาย 4 ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิหย่งเจิ้งในเวลาต่อมารัชสมัยของจักพรรดิคังซีตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและราชวงศ์บ้านพลูหลวงของอาณาจักรอยุธยา
             จักรพรรดิคังซีสวรรคตในปี พ.ศ. 2265 (ค.ศ. 1722) รวมระยะเวลาครองราชย์ยาวนานถึง 61 ปี นับเป็นจักรพรรดิที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาตร์จีน ในยุคสมัยของพระองค์มีเรื่องการเกิดขึ้นต่าง ๆ มากมาย เป็นที่เลื่องลือจนถึงปัจจุบัน มีวรรณกรรมต่าง ๆ มากมายที่บอกเล่าถึงยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น นิยาย ละครโทรทัศน์ หรือ ภาพยนตร์ ที่มีการจัดสร้างหลายต่อหลายครั้งแม้ในปัจจุบัน เรื่องที่มีชื่อเสียงมากคือ นิยายกำลังภายในอิงประวัติศาสตร์ของ กิมย้ง เรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ
                                                   
                                                           
                                                                           ที่มาข้อมูล 
: http://th.wikipedia.org
                                                                                                   
                                                                           ที่มารูปภาพhttp://www.oknation.net/blog 

 

 


 

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 15:06:35 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ท่องเที่ยว 1 วันบนถนนเยาวราช

 

     ชาวจีนเป็นชนชาติที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก และไม่ได้อาศัยอยู่แต่ในประเทศจีนเท่านั้น เพราะชาวจีนได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานยังดินแดนต่างๆ ทั่วโลก ในแต่ละที่ที่อพยพไปนั้นชาวจีนจะมีการรวมตัวกันอย่างแนบแน่นจนกลายเป็นชุมชน โดยมีการสืบสานทางวัฒนธรรมและประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งชุมชนชาวจีนดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า “ไชน่าทาวน์ (China Town)” วันนี้ขอเชิญทุกท่านมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาวไทยเชื้อสายจีนบนถนนเยาวราชสายนี้กัน

     ชุมชนชาวจีนหรือไชน่าทาวน์ในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ “เยาวราช” ตั้งอยู่บนถนนสายสั้นๆ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่เป็นถนนสายสำคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่ทำให้ในแต่ละวันมีผู้คนเดินทางมายังถนนสายนี้วันละหลายแสนคน โดยถนนสายนี้เริ่มก่อสร้างขึ้นในสมัยพระยาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

     การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่วงเวียนโอเดียน ที่ใจกลางเป็นที่ตั้งของ ซุ้มประตูมังกร สถานที่ที่เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จากนั้นไปสักการะพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือที่ชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อของ “หลวงพ่อทองคำ” พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากทองคำ เป็นประธานประจำวัดไตรมิตรวิทยาราม ที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก (หนังสือกินเนสบุ๊ค บันทึกว่ามีมูลค่าสูง 28.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,800 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังมีนิทรรศกาลหลวงพ่อทองคำ ที่บอกเล่าความประวัติความเป็นมานับแต่การสร้าง การพอกปูนปกปิดจนถึงเหตุการณ์ที่ปูนกระเทาะให้เห็นเนื้อในที่เป็นทองคำ และศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเยาวราชให้ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

 

   


     ในเยาวราชยังมีร้านอาหารอร่อยๆ จำนวนมากให้ได้เลือกลิ้มลอง เช่น ลอดช่องสิงคโปร์เจ้าต้นตำรับ หรือบะหมี่จับกังที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านเครื่องเขียนของบริษัท นานมี จำกัด ที่เป็นร้านขายเครื่องเขียนร้านใหญ่และที่ชั้นสองเป็นร้านขายหนังสือจีนเก่าแก่ มีหนังสือจำนวนมากให้คุณผู้อ่านได้ไปหาหนังสือได้อย่างจุใจ

 


     จากนั้นได้ไปสักการะที่วัดมังกรกมลาวาส หรือที่รู้จักในชื่อของ “เล่งเน่ยยี่” ที่วัดนี้มีการประกอบพิธีแก้ปีชงเพื่อสะเดาะเคราะห์ โดยในปี พ.ศ. 2556 ปีนักษัตรที่ชง ได้แก่ ปีกุน ปีมะเส็ง ปีวอก และปีขาล นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าอื่นๆ ให้ได้เสริมมงคลสำหรับทุกคนอีกด้วย วัดเล่งเน่ยยี่เป็นที่รู้จักของชายไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากที่จะมาขอพรจากเทพเจ้าด้านต่างๆ เช่น เทพไช่ซิ่งเอี้ย ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ เป็นต้น

     อีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มายังเยาวราชก็คงหนีไม่พ้นร้านทอง บนถนนเยาวราชมีร้านทองที่มีประวัติความเป็นมายาวนานหลายร้าน ในแต่ละวันจะมียอดเงินที่ใช้จ่ายจำนวนหลายร้อยล้านบาท และร้านขายของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบจากประเทศจีนในตลาดเก่า หรือสิ่งของที่ใช้ในการไหว้เจ้าเป็นต้น รวมถึงร้านอาหารจำนวนมากที่บริการอาหารเลิศรสให้ได้ลิ้มลองกัน

 


     อย่างไรก็ตาม การเดินทางบนถนนเยาวราชมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายที่น่าสนใจและชวนให้ติดตาม ซึ่งสำนักพิมพ์ทองเกษมจะติดตามและนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป

 

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 09:36:38 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ สถานที่ท่องเที่ยว
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรื่องของ "ไข่ดาว"

 

 

 

       “ไข่ดาว” เป็นอาหารยอดนิยมอย่างหนึ่งของชาวจีน วิธีทำสะดวกและไม่ยุ่งยาก ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ไม่ปรากฏว่าไข่ดาวนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไร แต่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีพ่อครัวในวังคนหนึ่งพยายามคิดค้นอาหารชนิดใหม่ที่มีรูปร่างหน้าตาน่ากินให้ฮ่องเต้พอพระทัย วันหนึ่งเขาเห็นดอกบัวอันงดงามกลางน้ำ จึงคิดว่า “ข้าจะทำให้ไข่มีรูปร่างเหมือนดอกบัวได้ไหมนะ” ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มทดลองทำ หลังจากผ่านการทดลองมาหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ทำให้ไข่แดงด้านในเหมือนฝักบัว ด้านนอกเหมือนกับไข่ทอด จักรพรรดิเห็นว่าไข่ทอดชนิดนี้ไม่เพียงแต่มีหน้าตาสวยงาม กินแล้วยังอร่อยนุ่มชุ่มคอ จึงพอพระทัยเป็นอย่างมาก และตั้งชื่อไข่ทอดชนิดนี้ว่า “ไข่ดาว” (荷包蛋)

       ภายหลังพ่อครัวในวังเกษียณอายุกลับบ้านเกิด จึงนำวิธีทำ “ไข่ดาว” กลับไปเผยแพร่ที่บ้านเกิด ด้วยเหตุนี้ไข่ดาวจึงเข้าสู่ชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไป จนกลายเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมและชื่อนชอบ

 

ที่มา  การ์ตูนความรู้ ชุด 24 กตัญญู

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

 

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 17:28:24 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ ความรู้ทั่วไป อาหาร
วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

พัดจีน

 

 

 

     “พัด” (扇子) ถูกประดิษฐ์ขึ้นตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ชางเมื่อประมาณ 3,000 กว่าปีมาแล้ว เป็นสิ่งโปรดปรานของผู้คนตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากพัดไม่เพียงแต่ทำให้คลายร้อยในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น แต่เรายังสามารถชื่นชมศิลปะอันอ่อนช้อยอย่างละเอียดในยามว่างได้อีกด้วย

       ตั้งแต่สมัยโบราณ พัดแบ่งได้เป็นหลายประเภทและยังเป็นหัตถกรรมที่มีความประณีต รูปแบบงดงาม เป็นผลิตภัณฑ์หัตถกรรมที่หาได้ยาก และสามารถแบ่งประเภทพัดตามวัสดุที่ผลิต เช่น พัดใบปาล์ม พัดผ้าไหม พัดกระดาษ พัดไม้ไผ่ พัดขนนก พัดแพรไหม พัดไม้แกะสลัก พัดหยกแกะสลัก พัดไม้หอม พัดงาช้างแกะสลัก พัดพลาสติก เป็นต้น และสามารถแบ่งตามรูปลักษณะ เช่น พัดรูปสี่เหลี่ยม พัดรูปวงกลม พัดรูปดอกไห่ถาง พัดรูปดอกทานตะวัน และพัดรูปดอกเหมย เป็นต้น

       นอกจากนี้ บนพัดยังเขียนบทกวีโคลงกลอน ซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของพัดแบบจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กวีและนักเขียนอักษรจีนมากมายจะบันทึกผลงานของตนลงบนพัดอันประณีตงดงาม เพื่อเป็นทรัพย์สมบัติสืบทอดต่อไป

 

ที่มา  การ์ตูนความรู้ ชุด 24 กตัญญู

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

 

เขียนเมื่อวันที่ เวลา 09:51:11 อ่านบทความนี้

ป้ายกำกับ ความรู้ทั่วไป วัฒนธรรม
Prev1 2 3 4 5 . . .17Next
  • หน้าแรก
  • |
  • เกี่ย่วกับสำนักพิมพ์
  • |
  • ข่าวสาร & โปรโมชั่น
  • |
  • หนังสือ
  • |
  • หนังสือขายดี
  • |
  • หนังสือใหม่
  • |
  • สมาชิก
  • |
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
©2012-2021 สำนักพิมพ์ ทองเกษม. All right reserved.
Power by NAN MEE Co., Ltd.
ที่อยู่สำนักพิมพ์ ติดต่อเรา
สำนักพิมพ์ ทองเกษม
เลขที่ 146 ถนนสาทรเหนือ
แขวงสีลม เขตบางรัก
กรุงเทพมหานคร 10500

E-Mail

 editor@thongkasem.com

Telephone

 0 2648 8000

Facebook

 www.facebook.com/thongkasem

Twitter

 @Thongkasem_team